วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
Contour Drawing
เทคนิคการวาดภาพลายเส้น
การวาดลายเส้น: คือ ภาพวาดที่เป็นเส้นอาจมีความสมบูรณ์ในตนเองหรือแต่งเติมด้วยการลงแสงเงาให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
อุปกรณ์ทั่วไป (Natural Meterials)
เทคนิคการฝึกความแม้นยำในการวาดมีดังต่อไปนี้
1. การขีดเส้นตรงในแนวนอนและแนวตั้งให้เส้นมีชองไฟเท่าๆกัน
การวาดลายเส้น: คือ ภาพวาดที่เป็นเส้นอาจมีความสมบูรณ์ในตนเองหรือแต่งเติมด้วยการลงแสงเงาให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
อุปกรณ์ (Materials) เป็นอุปกรณ์ในการวาดทั่วไปที่ใช้ในทัศนศิลป์
1. ดินสอดำ ในการวาดควรใช้เฉพาะขนาดตั้งแต่ 5B จนถึง EE เพราะมีความเข้มมาก ขนาดที่ต่ำกว่านี้ถ้าหากแรเงาจะเกิดความมันเลื่อม สะท้อนทำให้ภาพดูไม่ชัดเจน
2. ปากกาหมึกซึม เป็นปากกาใช้จุ่มหรือมีหมึกในตัวก็ได้ จุดเด่นของการใช้ปากกาคือ จะทำให้ภาพดูมีชีวิตชีวา
3. ปากกาหมึกแห้ง สะดวกในการใช้จะให้เส้นออกมามีความสนุกสนานอิสระ
4.แท่งถ่าน เป็นแท่งถ่านที่ขายตามร้านเครื่องเขียนทั่วไป
อุปกรณ์ทั่วไป (Natural Meterials)
1. กระดานรองเขียน
2. ตัวหนีบ
3. ยางลบ
4. มีดเหลาดินสอ
5. กระดาษทราย ถ้าจะให้สะดวกในการใช้ควรหาไม้สี่เหลี่ยมเล็กมารองแผ่นกระดาษทราย
6. กระดาษปรู๊ฟ คือ กระดาษเนื้อบางลักษณะเหมือนกับกระดาษที่ใช้ม้วนยาสูบ7. กระดาษ 100 ปอนด์
เทคนิคการฝึกความแม้นยำในการวาดมีดังต่อไปนี้
1. การขีดเส้นตรงในแนวนอนและแนวตั้งให้เส้นมีชองไฟเท่าๆกัน
2. การขีดเส้นตรงให้ลงน้ำหนักมือและผ่อนลงไปจะได้เส้นที่มีลักษณะคล้ายดาวตก
3.การขีดเส้นตาข่ายให้ช่องไฟเท่ากันในทุกทิศทาง
4. การไล่น้ำหนักเงาจากอ่อนไปหาแก่และจากแก่ไปหาอ่อน
5. การลากเส้นเป็นเลขแปดอย่างต่อเนื่อง
วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554
ความรู้เรื่องสี
โดยทั่วไปสีแบ่งออกเป็น 3 ชั้น
สีพื้นฐาน (Primary Color) หรือแม่สี ได้แก่ แดง เหลือง น้ำเงิน
สีขั้นที่สอง (Secondary Color) เกิดจากการจับคู่แม่สีผสมกันในอัตราส่วนเท่ากัน ได้สีใหม่ 3 สีคือ เขียว ส้ม ม่วง
สีขั้นที่สาม (Tertiary Color) เกิดจากการจับคู่แม่สี ผสมกับสีขั้นที่สองที่อยู่ใกล้เคียงกัน ได้สีเพิ่มอีก 6 สี คือ เขียวเหลือง เขียวน้ำเงิน ม่วง น้ำเงิน ม่วงแดง ส้มแดง ส้มเหลือง
นอกจากนี้ยังมีสีขั้นที่สี่ ที่เกิดจากการผสมของแม่สีกับสีขั้นที่สามและสีขั้นที่สองที่อยู่ใกล้เคียงกัน ได้สีอีก 12 สี รวมทั้งสิ้น 24 สี และ เมื่อนำสีทั้งหมดไปผสมกับสีขาวหรือดำ จะเกิดเป็นสีที่น้ำหนักแตกต่างกันอีกสีละ 40 น้ำหนัก
โทนสีโทนสีต่างกันให้อารมณ์ที่ต่างกันอย่างมากมาย เราแบ่งโทนสีออกเป็น 2 โทนกว้างๆ ดังนี้สีโทนเย็น (Cool) คือกลุ่มสีที่ให้ความรู้สึกสงบเย็น นิ่ง ผ่อนคลาย อิสระ เสรี และดูสบายตา เช่น ขาวอมฟ้า เขียว ม่วง น้ำเงินสีโทนร้อนหรืออุ่น (Warm) ให้ความรู้สึกกระตือรือร้นสดใส สบาย รู้สึกกระฉับกระเฉง อบอุ่น ใกล้ชิด มีชีวิตชีวา เช่น ขาวอมเหลือง ส้ม แดง
ตัวอย่างของสีที่มีผลต่อความรู้สึกสีดำ ทำให้ความรู้สึกเป็นเอกเทศ ดูทันสมัย เข้มแข็ง และช่วยหนุนให้สีอื่นๆดูเข้มขึ้น ถ้าจะนำสีดำมาใช้ในการตกแต่งภายใน ก็คงไม่ใช่สีดำล้วนเพราะจะทำให้ดูทึบ เศร้า ส่วนใหญ่นิผมใช้เป็นสีตัด เช่น ตู้สีดำบนผนังสีสด เป็นต้นสีน้ำตาล เป็นสีจากธรรมชาติของเนื้อไม้ ดูสวยงามและอบอุ่น ใช้ได้กับทุกห้องสีน้ำเงิน เป็นสีที่ร่าเริงและสบายตา ให้ความรู้สึกโล่งกว้างและมีชีวิตชีวา เหมาะกับห้องน้ำ ห้องครัว หรือห้องรับแขกสีเขียว ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ เป็นสัญลักษณ์ของชีวิต ต้นไม้ใบหญ้าให้ความผ่อนคลายทางสายตาและจิตใจ จึงเหมาะที่จะใช้ตกแต่งห้องนอน
โครงสีโครงสี คือแบบร่างในการเลือกใช้สีซึ่งจะกำหนดเป็นสีผนัง พื้น เพดาน พรม และเฟอร์นิเจอร์ โดยทั่วไปนิยมใช้เพียง 3-4 สี จะกลมกลืนหรือตัดกันก็ตามขั้นตอนการกำหนดโครงสี
เลือกสีหลัก หมายถึงสีที่ใช้สำหรับพื้นที่ส่วนใหญ่ของห้อง เช่น ผนัง พื้น เพดาน โดยดูจากโทนสีทีเหมาะสม และจุดประสงค์ที่ต้องการใช้สีนั้น เช่น ต้องการใช้สีอ่อนเพื่อลวงตาให้ดูว่าห้องกว้างขั้นหรือผนังสูงขึ้น เป็นต้น
เลือกสีรอง หมายถึงสีที่เข้ากันได้กับสีหลัก จะเป็นสีกลมกลืนหรือตัดกันก็ได้ และไม่ควรใช้เกิน 2 สี โดยอาจใช้กับประตู หน้าต่าง เฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลัก และผนังบางด้าน โดยทั่วไปจะใช้อัตราส่วนสีหลักต่อสีรองเป็นสามต่อสี่
เลือกน้ำหนักของสีหรือความเข้มของสี ในสีเดียวกันเองอาจเลือกใช้น้ำหนักที่แตกต่าง เพื่อสร้างความรู้สึกอบอุ่นไม่จืดตา ยกตัวอย่าง ห้องที่มีสีหลักเป็นสีฟ้า มีสีรองเป็นสีเหลืองอาจเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์บุผ้าสีเหลืองเข้ม
เลือกสีเน้น ได้แก่ สีของวัตถุตกแต่งขนาดเล็กในห้อง ส่วนใหญ่นิยมใช้สีสดใสที่แตกต่างจากสีหลักและสีรอง เพื่อเพิ่มความรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นอีก เช่น สีชมพูของแจกัน สีแดงของหมอนอิง แต่ต้องระวังไม่ใช้ในปริมาณมากจนเกินงาม
สีตัด หมายถึงสีคู่ตรงข้ามในวงล้อสี เช่นสีแดงตรงข้ามกับสีเขียว สีน้ำเงินตรงข้างกันสีส้ม สีเหลืองตรงข้ามกับสีม่วง ตัวอย่างการใช้สีตัดเพื่อเพิ่มความสดใสให้ห้องเช่น ห้องนอนสีเหลืองอ่อน อาจใช้ม่านหน้าต่างสีน้ำเงินลายทางขาว และใช้ชุดเครื่องนอนสีแดงเข้ม เป็นต้น
โทนแสงกับโทนสีการเลือกใช้โทนแสงไฟ ต้องดูให้เข้ากับโทนสีโดยรวมห้องด้วย เพราะทิศของแสงคือสิ่งที่จะช่วงสร้างบรรยากาศของห้องให้เป็นไปตามโทนสี การเลือกใช้โทนแสงผิด อาจทำลายโทนสีที่จัดมาอย่างดีได้อย่างน่าเสียดายถ้าการตกแต่งโดยรวมเป็นสีโทนอุ่น การใช้แสงไฟโทนอุ่น จะช่วยเน้นให้ห้องดูสว่าง สดใส และดูกลมกลืนในขณะที่การใช้แสงไฟโทนเย็นจะทำให้โทนสีห้องดูจืดลงถ้าการตกแต่งโดยรวมเป็นสีโทนเย็น การใช้แสงไฟโทนเย็น จะเสริมให้ห้องน้ำดูนุ่มนวลสบายตา แต่ถ้าใช้โทนแสงอุ่นก็อาจจะมีผลให้สีโทนเย็นดูทึมทึบลง
สีพื้นฐาน (Primary Color) หรือแม่สี ได้แก่ แดง เหลือง น้ำเงิน
สีขั้นที่สอง (Secondary Color) เกิดจากการจับคู่แม่สีผสมกันในอัตราส่วนเท่ากัน ได้สีใหม่ 3 สีคือ เขียว ส้ม ม่วง
สีขั้นที่สาม (Tertiary Color) เกิดจากการจับคู่แม่สี ผสมกับสีขั้นที่สองที่อยู่ใกล้เคียงกัน ได้สีเพิ่มอีก 6 สี คือ เขียวเหลือง เขียวน้ำเงิน ม่วง น้ำเงิน ม่วงแดง ส้มแดง ส้มเหลือง
นอกจากนี้ยังมีสีขั้นที่สี่ ที่เกิดจากการผสมของแม่สีกับสีขั้นที่สามและสีขั้นที่สองที่อยู่ใกล้เคียงกัน ได้สีอีก 12 สี รวมทั้งสิ้น 24 สี และ เมื่อนำสีทั้งหมดไปผสมกับสีขาวหรือดำ จะเกิดเป็นสีที่น้ำหนักแตกต่างกันอีกสีละ 40 น้ำหนัก
โทนสีโทนสีต่างกันให้อารมณ์ที่ต่างกันอย่างมากมาย เราแบ่งโทนสีออกเป็น 2 โทนกว้างๆ ดังนี้สีโทนเย็น (Cool) คือกลุ่มสีที่ให้ความรู้สึกสงบเย็น นิ่ง ผ่อนคลาย อิสระ เสรี และดูสบายตา เช่น ขาวอมฟ้า เขียว ม่วง น้ำเงินสีโทนร้อนหรืออุ่น (Warm) ให้ความรู้สึกกระตือรือร้นสดใส สบาย รู้สึกกระฉับกระเฉง อบอุ่น ใกล้ชิด มีชีวิตชีวา เช่น ขาวอมเหลือง ส้ม แดง
ตัวอย่างของสีที่มีผลต่อความรู้สึกสีดำ ทำให้ความรู้สึกเป็นเอกเทศ ดูทันสมัย เข้มแข็ง และช่วยหนุนให้สีอื่นๆดูเข้มขึ้น ถ้าจะนำสีดำมาใช้ในการตกแต่งภายใน ก็คงไม่ใช่สีดำล้วนเพราะจะทำให้ดูทึบ เศร้า ส่วนใหญ่นิผมใช้เป็นสีตัด เช่น ตู้สีดำบนผนังสีสด เป็นต้นสีน้ำตาล เป็นสีจากธรรมชาติของเนื้อไม้ ดูสวยงามและอบอุ่น ใช้ได้กับทุกห้องสีน้ำเงิน เป็นสีที่ร่าเริงและสบายตา ให้ความรู้สึกโล่งกว้างและมีชีวิตชีวา เหมาะกับห้องน้ำ ห้องครัว หรือห้องรับแขกสีเขียว ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ เป็นสัญลักษณ์ของชีวิต ต้นไม้ใบหญ้าให้ความผ่อนคลายทางสายตาและจิตใจ จึงเหมาะที่จะใช้ตกแต่งห้องนอน
โครงสีโครงสี คือแบบร่างในการเลือกใช้สีซึ่งจะกำหนดเป็นสีผนัง พื้น เพดาน พรม และเฟอร์นิเจอร์ โดยทั่วไปนิยมใช้เพียง 3-4 สี จะกลมกลืนหรือตัดกันก็ตามขั้นตอนการกำหนดโครงสี
เลือกสีหลัก หมายถึงสีที่ใช้สำหรับพื้นที่ส่วนใหญ่ของห้อง เช่น ผนัง พื้น เพดาน โดยดูจากโทนสีทีเหมาะสม และจุดประสงค์ที่ต้องการใช้สีนั้น เช่น ต้องการใช้สีอ่อนเพื่อลวงตาให้ดูว่าห้องกว้างขั้นหรือผนังสูงขึ้น เป็นต้น
เลือกสีรอง หมายถึงสีที่เข้ากันได้กับสีหลัก จะเป็นสีกลมกลืนหรือตัดกันก็ได้ และไม่ควรใช้เกิน 2 สี โดยอาจใช้กับประตู หน้าต่าง เฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลัก และผนังบางด้าน โดยทั่วไปจะใช้อัตราส่วนสีหลักต่อสีรองเป็นสามต่อสี่
เลือกน้ำหนักของสีหรือความเข้มของสี ในสีเดียวกันเองอาจเลือกใช้น้ำหนักที่แตกต่าง เพื่อสร้างความรู้สึกอบอุ่นไม่จืดตา ยกตัวอย่าง ห้องที่มีสีหลักเป็นสีฟ้า มีสีรองเป็นสีเหลืองอาจเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์บุผ้าสีเหลืองเข้ม
เลือกสีเน้น ได้แก่ สีของวัตถุตกแต่งขนาดเล็กในห้อง ส่วนใหญ่นิยมใช้สีสดใสที่แตกต่างจากสีหลักและสีรอง เพื่อเพิ่มความรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นอีก เช่น สีชมพูของแจกัน สีแดงของหมอนอิง แต่ต้องระวังไม่ใช้ในปริมาณมากจนเกินงาม
สีตัด หมายถึงสีคู่ตรงข้ามในวงล้อสี เช่นสีแดงตรงข้ามกับสีเขียว สีน้ำเงินตรงข้างกันสีส้ม สีเหลืองตรงข้ามกับสีม่วง ตัวอย่างการใช้สีตัดเพื่อเพิ่มความสดใสให้ห้องเช่น ห้องนอนสีเหลืองอ่อน อาจใช้ม่านหน้าต่างสีน้ำเงินลายทางขาว และใช้ชุดเครื่องนอนสีแดงเข้ม เป็นต้น
โทนแสงกับโทนสีการเลือกใช้โทนแสงไฟ ต้องดูให้เข้ากับโทนสีโดยรวมห้องด้วย เพราะทิศของแสงคือสิ่งที่จะช่วงสร้างบรรยากาศของห้องให้เป็นไปตามโทนสี การเลือกใช้โทนแสงผิด อาจทำลายโทนสีที่จัดมาอย่างดีได้อย่างน่าเสียดายถ้าการตกแต่งโดยรวมเป็นสีโทนอุ่น การใช้แสงไฟโทนอุ่น จะช่วยเน้นให้ห้องดูสว่าง สดใส และดูกลมกลืนในขณะที่การใช้แสงไฟโทนเย็นจะทำให้โทนสีห้องดูจืดลงถ้าการตกแต่งโดยรวมเป็นสีโทนเย็น การใช้แสงไฟโทนเย็น จะเสริมให้ห้องน้ำดูนุ่มนวลสบายตา แต่ถ้าใช้โทนแสงอุ่นก็อาจจะมีผลให้สีโทนเย็นดูทึมทึบลง
วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)